Menu Close

เปิดแผนยกเครื่อง “เชียงใหม่” สู่ ฟิล์มโลเคชั่น Health & Wellness Hub

🎞️ เปิดแผนยกเครื่อง “เชียงใหม่” สู่ ฟิล์มโลเคชั่น Health & Wellness Hub ใช้ Soft Power สร้างแรงดึงดูดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 🎊
.
“เชียงใหม่” มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของจังหวัด ก็มีอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เติบโต สูงเป็นอันดับ 15 ของประเทศ เชียงใหม่ จึงเป็นหนึ่งในจังหวัดที่นายก “เศรษฐา ทวีสิน” เลือกลงพื้นที่ เพื่อบูสต์เศรษฐกิจ และขับเคลื่อนการท่องเที่ยว
.
ทิศทางการพัฒนาของเชียงใหม่ ที่ภาครัฐและเอกชนเชียงใหม่ ได้หารือกับนายกและเตรียมจะผลักดันเศรษฐกิจของเชียงใหม่จากนี้ นอกจากจะเน้นเรื่องของการท่องเที่ยวแล้ว ยังโฟกัสด้านภาคเกษตรด้วย

♦️ 1.เชียงใหม่ตั้งเป้าเพิ่ม GPP 3.5 แสนล้านปี 2570
การจะขับเคลื่อนเป้าหมาย ดังกล่าว ทางจังหวัดเชียงใหม่ จะเน้นใน 5 จุดโฟกัสหลักในการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ ได้แก่ 1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเชียงใหม่ 2. การใช้ Soft Power สร้างแรงดึงดูดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 3. เวลเนส 4. การแก้ไขและป้องกัน PM 2.5 และ 5. ด้านเกษตร

——–
♦️ 2.ทอท.ทุ่ม 7 หมื่นล้าน ขยายสนามบินเชียงใหม่ ผุด “สนามบินล้านนา”
“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” จากการหารือจะพบว่าการพัฒนาและขยายศักยภาพของสนามบิน มีความชัดเจนมากที่สุด โดยศักยภาพของสนามบิน เชียงใหม่ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติได้เฉลี่ย 8 ล้านคนต่อปี มากสุด 11.34 ล้านคนต่อปีในปี 2562 หลังโควิดคลี่คลายผู้โดยสารเริ่มฟื้นตัว คาดว่าในปี 2570 จะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเพิ่มเป็น 11.71 ล้านคนต่อปี

บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT จึงเริ่มจะพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยจะขยายและปรับปรุงหลุมจอดอากาศยานเพิ่มจาก 12 หลุมจอดเป็น 31 หลุมจอด สร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่หลังใหม่ รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารเดิมรองรับผู้โดยสารในประเทศ จะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 18 ล้านคน/ปี รองรับเที่ยวบินจาก 15 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 30 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ใช้งบประมาณลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ทอท.ยังมีการ เตรียมการวางแผนในส่วนการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 ที่จะใช้ชื่อว่า สนามบินล้านนา ที่ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน พื้นที่ประมาณ 7,000 ไร่ รองรับนักท่องเที่ยวราว 16.5 ล้านคนต่อปี ลงทุนประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ที่จะเป็นรีจินัล ฮับ ใช้เวลาดำเนินการ 7 ปี

ขณะที่แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองเชียงใหม่ หรือรถไฟฟ้าเชียงใหม่ (แทรม) สายสีแดงช่วงร.พ.นครพิงค์-สมานสามัคคี 16 สถานีระยะทาง 15.8 กม. ใช้งบประมาณ 2.87 หมื่นล้านบาท ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด

——–
♦️ 3. ชู 5 Soft Power กระตุ้นท่องเที่ยวเชียงใหม่
สำหรับ “การใช้ Soft Power” สร้างแรงดึงดูดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่เชียงใหม่ จะเน้นใน 5 เรื่อง และนำเสนอเพื่อขับเคลื่อนผ่านคณะทำงาน Soft Power ระดับประเทศ ได้แก่
-เมืองเทศกาลโลก (World Festival and City) โดยโปรโมทให้เทศกาลสงกรานต์, ลอยกระทง และการสร้างจุดขายด้วย 12 เดือน 12 เทศกาล ภายใต้ธีม 12 เดือนม่วนใจ๋ไปแอ่วเจียงใหม่ตวยกั๊นเจ้า

-Northern Food Local Gastronomy เพิ่มและผลักดันให้เกิดมาตรฐานมิชลิน 27 ร้าน มาตรฐาน Thai Selected ดึงเชฟระดับประเทศและระดับโลกมาโชว์ฝีมือการทำอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นในจ.เชียงใหม่ มาคัดสรรปรุงแต่งด้วยกรรมวิธีและเทคนิคพิเศษเฉพาะตัว

-Gift and Fashion & Craft ยกมาตรฐานสินค้าชุมชม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ใช้จ่ายมากขึ้น

-ส่งเสริมเชียงใหม่ให้เป็น “ film location” (Film & Movie) โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวสู่ตลาดต่างประเทศถ่ายหนังในจุดไฮไลท์สำคัญ เช่น Lost in Thailand, กลิ่นกาสะลอง

-เชียงใหม่-สายศรัทธา มูเตลู โปรโมทสถานที่มูเตลูที่โด่งดัง ศักดิ์สิทธิ์ อาทิ วัดป่าแดด วัดพระธาตุดอยคำ ม่อนกุเวร

———
♦️ 4.ผลักดันเชียงใหม่ Health & Wellness Hub
รวมไปถึงผลักดันเชียงใหม่เป็น “Health & Wellness Hub” โดยการสร้างให้เกิด Medicopolis Platform การพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ การนำหมอที่เป็น influencer มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ การเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว

ขณะที่การ “แก้ฝุ่น PM 2.5” จะผลักดันพรบ.อากาศสะอาดให้มีผลบังคับใช้ การขยายพื้นที่ปลูกต้นไม้เพื่อขายคาร์บอนเครดิต โดยมีการจัดตั้งกองทุนดูแลป่าชุมชน การจัดตั้งศูนย์บัญชาการป้องปันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็น Command Centre มีผู้ว่าราชการเป็นผู้บัญชาการและบูรณาการ

การทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การนำร่องแม่แจ่มโมเดล เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันและไฟป่าควบคู่กับการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิของชาวบ้านในการจัดการป่าไม้และที่ดิน การจัดทำระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล

สุดท้ายเป็น “การส่งเสริมด้านเกษตร” ได้แก่ 1. การบริหารจัดการผลผลิตการเกษตรไม่ให้เกิดภาวะราคาตกตํ่า โดยมีมาตรการลงนามสัญญาข้อตกลงซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า การเชื่อมโยงผลผลิตสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดและโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำคำขอส้ม/ลิ้นจี่ และการเชื่อมโยงผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก โดยเฉพาะผลไม้ (มะม่วง ลำใย ลิ้นจี่) และ 2. การยกระดับสินค้าที่อยู่ระหว่างรอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ส้มและลิ้นจี่
.
🙏 ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ

#อินทรัตน์ยอดบางเตย
#เสธยอด