ประเทศไทยของเรา ปชช.เคยได้รับความสุข สงบ ร่มเย็น ปลอดภัย แต่ทุกวันนี้ สิ่งเหล่านั้น กำลังจะหายไป ในนิยามว่า ประชาธิปไตย
พระมหากษัตริย์ไทย ทุกพระองค์ ไม่ใช่ศัตรูของปชช
แต่พระมหากษัตริย์ไทยคือ “ผู้ให้” เช่น ภาษี ก็คืนให้รัฐบาลไปหมด ราชวงศ์ไม่ได้เอาเงิน จากภาษี นั้นมาใช้ พระมหากษัตริย์ไทย ไม่เคยขายทรัพยากรธรรมชาติ ไม่เคยขายแผ่นดินให้ต่างชาติ แม้แต่ตรว.เดียว !
สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยทั้งชาติ !
พระมหากษัตริย์ไทย คือ ผู้ที่หาแผ่นดินให้ ปชช.อยู่อาศัย สืบทอดต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ ! การหาแผ่นดินให้ ปชช.อยู่ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็หาที่สุดแห่งพระคุณมิได้แล้ว ใช่ไหม ? เพราะกว่าจะได้แผ่นดินมาครอง ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กันทีเดียว !
ในยุคต้นสมัยของชนชาติไทย กลุ่ม ปชช.ได้รวมตัวกันอพยพติดตาผู้นำ ผู้กล้าของตนไปทุกหนทุกแห่ง ‘จนสุดแผ่นดิน” ทุกวันนี้ จึงได้ปรากฎ มีชื่อของ “แผ่นดินสยามเมืองยิ้ม” ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือ ” ประเทศไทย Thailand ” ของเรานี่เอง
สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทุกราชวงศ์ ไม่ได้มีพระมหากษัตริย์แค่พระองค์เดียว แต่ทุกพระองค์ ทุกยุคที่ครองแผ่นดิน ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์สูงสุด ให้ประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อ ปชช.ของพระองค์สุดกำลัง แตกต่างกันไป ตามสถานการณ์ของแต่ละแผ่นดิน
จะขอนำมากล่าวถึงพอเป็นสังเขป แม้ในอดีต จะมีการปกครองระบอบ ” ราชาธิปไตย แต่ ก็เป็น” แบบพ่อปกครองลูก
1) สมัยราชอาณาจักร กรุงสุโขทัยรุ่งเรืองเป็นราชธานี พ.ศ.1826 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นกษัตริย์องค์แรกของไทย ที่ได้รับการยกย่องเป็น “มหาราช” ( ทรงประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรไทย พยัญชนะ 44 ตัว (21 เสียง) สระ 21 รูป (32 เสียง) วรรณยุกต์ 5 เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา เป็นภาษาประจำเชื้อชาติไทย ซึ่งใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 740 ปี )
2) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช “มหากษัตริย์ชาตินักรบ” (ทรงกู้ชาติ พ.ศ.2127) ประกาศอิสรภาพประเทศสยาม ถึงปัจจุบันนี้ 439 ปี
การศึก ! ครั้งนั้น สำเร็จได้ด้วยการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ของพระพี่นางสุพรรณกัลยา (พี่สาว) ต้องยอมเป็นเมียพม่า เพื่อรักษาชีวิตของสมเด็จพระนเรศวรไว้ให้ปลอดภัย
3) สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 วันกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ทรงกู้ชาติ และพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทย) ถึงปัจจุบันนี้ 256 ปี
ความปรากฎว่า สมเด็จพระนเรศวร กับ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทั้งสองพระองค์นี้ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ” บูรพระมหากษัตริย์ ” ผู้สร้างชาติไทยมาต่อเนื่องสืบทอดมาจนถึง “สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ราชวงศ์จักรี) ก็มีเขื้อสายจีนร่วมสายพระโลหิต
แผ่นดิน..ที่เราเหยียบ ยืนกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นของใคร ? โฉนดกรรมสิทธิ์ก็เป็นชื่อของเรา แต่แท้จริงแล้วใคร ? ที่เป็นเจ้าของตัวจริงกันแน่ !
สยามเมืองยิ้ม ประเทศไทย กรุงรัตนโกสินทร์ (ราชวงศ์จักรี)
รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์)
~ รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าของเงินถุงแดง) มอบมรดกช่วยไถ่ชาติไทยไว้ ไม่ให้ตกไปเป็นเมืองขึ้น เป็นทาสชาติฝรั่งเศส
~ รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรืออีกพระนามหนึ่ง พระปิยะมหาราช (ทรงเลิกทาส ฯลฯ )
เยาวชนคนรุ่นหลัง ที่อ้างตน “จะเป็นอนาคตของชาติ” เคยรู้บ้างไหม ? ว่าเกิดเหตุการณ์วิกฤตอะไรบ้าง ? พ.ศ.2436 ร.ศ.112 รู้กันหรือเปล่าว่า มีกองกำลังเรือฝรั่งเศส บุกเข้าพระนคร เรือปืนจ่อใส่พระบรมมหาราชวัง สั่งให้ไทยจ่ายเงิน 3 ล้านฟรังก์ (เป็นเงินไทยประมาณ 1,560,000 บาทในสมัยนั้น)
โดยฝรั่งเศส ระบุว่า ต้องเป็นเงินเหรียญเท่านั้น จำกัดเวลาให้แค่ 48 ชั่วโมง มิฉนั้น ฝรั่งเศส จะยึดไทยเป็นเมืองขึ้น
โอกาสนั้นแหละ ที่ไทย ต้องนำเงินถุงแดง มรดกจาก ร.3 “มาไถ่แผ่นดินไทย ” รวมกับทรัพย์ส่วนพระองค์ของ ร.5 อีกด้วย สมทบกับเงินในท้องพระคลังหลวง เงินของพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ต่างถวายเงินทอง เพชรนิลจินดา นำไปขาย เพื่อแลกเป็นเงินเหรียญ รวบรวมมาให้ฝรั่งเศส และ ยังต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ให้ฝรั่งเศสอีก พร้อมฝรั่งเศส ยังยึด เมืองจันทบุรี กับเมืองตราดไว้เป็นประกันอีกด้วย
ตอนนี้รู้กันหรือยัง ว่าแผ่นดินไทยที่เราอาศัยเหยียบ ยืนกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นของใคร ? สำนึกกันไว้ให้ดี..จดจำกันไว้อย่าลืม !
ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไทย เป็นศูนย์รวมใจชาวไทยทั้งชาติ ก็คงไม่มีบรรพบุรุษที่จะยอมเสี่ยงเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ปกป้องแผ่นดินสยามไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยกันเช่นทุกวันนี้ เสียเลือดท่วมแผ่นดินไปเท่าไหร่ ?
กลุ่มคนที่ชอบทำอวดดี อวดเก่ง อวดรู้ ทุกเรื่องทั้งหลาย ตอนที่ประเทศไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง รู้ไหม แต่ละครั้งพระมหากษัตริย์บรรพบุรุษไทย ต้องเจอกับวิกฤติอะไรบ้าง
พวกคุณยังเป็นวุ้น.. อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ! พวกคุณมีสิทธิ์อะไร ที่จะมาสั่งให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ทำตามใจของพวกคุณ อวดตัวเป็นคนดีมีความรู้สูง จบจาก ตปท. ทำไมไม่เอาความรู้ ความสามารถมาช่วยชาติ ทำตัวเป็นแต่ ” กาฝากของแผ่นดิน ทำตัวอัปรีย์จัญไร หาใครเทียบมิได้”
~ รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (24 มิ.ย.พ.ศ. 2475 ถูกคณะราษฎร ทำรัฐประหารยึดอำนาจ) และเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก “ระบอบราชาธิปไตย ” เป็น ” ระบอบประชาธิปไตย “
~ คณะราษฎร ยึดอำนาจ ยึดทรัพย์ของพระมหากษัตริย์ และ สมาชิก (ราชวงศ์จักรี) ไปเป็นของรัฐบาล แล้วตั้งชื่อว่า “สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ”
ทำให้ ปชช.ที่ไม่รู้ความนัย คิดว่าพระมหากษัตริย์ “ไม่เสียภาษี ” ซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นของรัฐบาลแล้ว และ รัฐบาลก็ไม่เก็บภาษีทรัพย์สินของรัฐบาลเองเรื่องจริงมันก็เป็นอย่างนี้ ! โปรดเข้าใจให้ถูกต้อง
~ คณะราษฎร ทำ รปห.ยึดอำนาจ อ้างว่า จะเอาอำนาจประชาธิปไตย คืนให้ปชช. แล้วทุกวันนี้ อำนาจประชาธิปไตยเต็มใบ ที่ว่านั้น ปชช.คนไทยเคยได้ใช้กันไหม ? มีแต่พวกคณะราษฎร กับรัฐบาล เอาไปใช้ เพื่อผลประโยชน์ของตน และ พวกมิใช่หรือ? ใช้สืบต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้
คณะราษฎรได้ออกกม.รธน. ให้พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ภายใต้กม.รธน. “ไม่มีอำนาจในการปกครองประเทศ” สั่งการใด ๆ ไม่ได้เลยเป็นแค่ ” หุ่น ” ให้กลุ่มเสนาบดีชั่วเชิดเท่านั้น
โครงสร้างประชาธิปไตย ของคณะราษฎร ” นายกรัฐมนตรี มีอำนาจเป็นประมุข ” ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ไทยเป็นประมุข อย่างที่พยายามเอามาพูดกันอยู่ทุกวันนี้
~ รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชมหาราช ขึ้นครองราชย์ พ .ศ 2489 (ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน) พระองค์เป็นสิ่งที่ ปชช.ยกย่องเทิดทูนบูชา เป็นที่รักเคารพยิ่ง ของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ
~ ที่คณะราษฎรออก กม.ให้พระมหากษัตริย์ไทย อยู่ภายใต้ กม.รธน. ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่สามารถออกไปพบปะกับ ปชช.ได้นั้น คือ พยายามตัดขาดสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจาก ปชช.
~ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติยึดอำนาจ แล้วทูลเชิญให้ในหลวง ร.9 เสด็จออกพบปะกับ ปชช.ได้อย่างเสรี และ เสด็จเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศทั่วโลก
~ นี่คือ จุดเริ่มต้นที่ในหลวง ร.9 ทรงพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อปชช.ของพระองค์ทุกด้าน ด้วยพระปรีชาสามารถยิ่งนัก พระราชกรณียกิจอันงดงามของพระองค์โด่งดัง จนเป็นที่รู้จักยอมรับของนานาประเทศทั่วโลก ผลงานปรากฎมากมายในแผ่นดินไทย ในหลวง ร.9 จึง”สถิตย์อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ ” แม้แต่ ปชช.คนต่างชาติจำนวนมาก ก็ยังรักและเคารพเทิดทูนชื่นชมในหลวง ร.9 ของเราด้วย
~ รัชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เข้าพิธีขึ้นเถลิงราชย์สมบัติ วันที่ 4-5-6 พฤษถาคม พ.ศ. 2562 (ทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริทั้งปวง ต่อจากในหลวง ร.9 เสด็จพ่อ)
~ ในหลวง ร.10 พระองค์กำลังปัดกวาดบ้านเมืองให้สะอาด ทรงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับเสด็จพ่อ ร.9 ของพระองค์ ที่ต้องทนทุกข์เป็นหุ่นให้เสนาบดีชั่ว เชิดแล้วเชิดอีก นั้นคือ บทเรียนที่แสนเจ็บปวด ล้ำค่าของในหลวง ร.10 ในขณะนั้นพระองค์ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
~ เมื่อในหลวง ร.10 ได้ราชบัลลังก์ครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ ตามกม.รธน. หมวดพระมหากษัตริย์ ” มาตรา 8 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย”
~ หนึ่งในน้ำพระทัยของในหลวง ร.10 ที่ทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อปชช.ของพระองค์ ทำให้ด้วยหัวใจของพระมหากษัตริย์คือ ” ผู้ให้ ” ข้อมูลมีปรากฎในโซเชียลมากมาย ถ้าใครชอบความจริงก็ไปหาดู จะนำมากล่าวถึงพอเป็นสังเขป
~ ในหลวง ร.10 พระราชทานโฉนดที่ดิน 4,854 ไร่ 3 งาน 34 ตรว.เพื่อใช้ประโยชน์เป็นสถานที่ทำงาน สถานศึกษา และประโยชน์ของทางราชการ
และ ได้บริจาดเงินสด อีกจำนวนมาก ที่ดินนี้อีกส่วนหนึ่ง ที่พระราชทานให้ โดยใช้เงินส่วนพระองค์ก่อสร้างให้ด้วย ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของแผ่นดิน
1) ยกที่ดินสนามม้านางเลิ้ง 279 ไร่ให้เป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.9 เป็นแหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับป่าและน้ำ เป็นสวนสาธารณะ เป็นปอดของกรุงเทพ
2) ยกที่ดินสวนสัตว์ดุสิต(เขาดินวนา) 118 ไร่ ให้สร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่
3) ยกที่ดินคลองหก ธัญญบุรี จ.ประทุมธานี 300 ไร่ เป็นสวนสัตว์แห่งใหม่ใหญ่กว่าสวนสัตว์ดุสิตเดิมเกือบ 3 เท่า
4) ยกที่ดินโรงงานยาสูบเก่าเกือบ 500 ไร่ ทำเป็น” สวนน้ำสวนป่าเบญจกิติ ” สู่ Central เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัย เป็นสวนสาธารณะ กลางเมืองปอดของกรุงเทพ ฯ อีกแห่งหนึ่ง
ขอเชิญชาวไทยหัวใจเกินร้อย มาช่วยให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงคงอยู่ต่อไปเถิด
จาก ปชช.คนหนึ่ง ที่เกิดบนผืนแผ่นดินประเทศไทย และ รักในชาติ ศาสน์ กษัยริย์