
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้รับฟังการนำเสนอข้อมูลเพื่อขอรับการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองน่าเที่ยวจากทั้ง 5 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน) โดยมีข้อสรุปดังนี้
1. จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้นำนโยบาย IGNITE TOURISM ของรัฐบาลมาขับเคลื่อนผ่านกิจกรรมท่องเที่ยว 12 เดือน 12 ธีม ส่งมอบ 12 ประสบการณ์ความประทับใจ สอดคล้องกับที่ จ.เชียงใหม่ มีการท่องเที่ยวที่เป็น High Season และ Low season เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยแม้ขณะนี้เป็นฤดูฝน และตัวเลขผู้ใช้สนามบินจากที่คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่า 15,000 คน กลับเป็น 21,000 คน ถือว่าได้ยกระดับผู้มาเยี่ยมเยือนได้สูงมาก
ตัวเลขเฉลี่ยคนเข้าเชียงใหม่ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน/เดือน ซึ่งทำได้แล้ว 4 เดือน เกิน 4 ล้านคนแล้ว และรายได้เพิ่มขึ้น 24% จากปี 2566 รวมทั้งอัตราการเข้าพักก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเน้นการขยายวันพักจาก 2-3 วัน เป็น 3-4 วัน อีกทั้งเชียงใหม่ยังเป็นเมืองหลักที่ดี ที่จะกระจายผู้มาเยี่ยมเยียนไปสู่เมืองรองภาคต่าง ๆ ได้ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการบินที่จะสามารถส่งต่อให้ยังเมืองหลักในภูมิภาคอื่นได้ด้วย
2. จังหวัดลำปาง รายงานอุปสรรคปัญหาของจังหวัด เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากลำปางมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งด้านธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ดังนั้น เห็นควรส่งเสริมพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว และควรได้รับการปรับปรุงถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต สายทางเข้าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เชื่อมสายทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 1252 โดยขอสนับสนุนงบฯ จากรัฐบาลในการดำเนินการดังกล่าว
3. จังหวัดน่าน รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค.66) พบว่ามีผู้มาเยี่ยมเยือน 1,570,213 คน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 74.24% ค่าใช้จ่ายต่อทริป 2,779.90 คน/ทริป รายได้รวม 4,414.65 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับคือ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอังกฤษ
รวมทั้งจังหวัดน่านรายงานถึงการสนับสนุนขับเคลื่อนให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงท่องเที่ยวกับเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น ยกระดับการท่องเที่ยวจังหวัดน่านสู่ระดับสากล จังหวัดมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น
4. จังหวัดลำพูน นำเสนอความเป็นมาและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัด โดยย้ำถึงความเป็นมาว่าจังหวัดลำพูน เดิมชื่อเมืองหริภุญชัย มีอายุกว่า 1,300 ปี ถือเป็นเมืองเก่าที่มีพื้นที่ที่เล็กที่สุดในภาคเหนือ รวมทั้งงานสลากย้อมหนึ่งเดียวในโลก งานเทศกาลโคมแสนดวง อำเภอเมือง มูลค่าจากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าปีละ 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 จำนวน 1,800 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,200,000 คน ซึ่งในปี 2567 ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มยอดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ไม่น้อยกว่า 7% และมูลค่าจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1,930 ล้านบาท รวมถึงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ รองรับผู้มาเยี่ยมเยือน
5. จังหวัดแพร่ ได้ย้ำถึงศักยภาพของจังหวัดแพร่ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านอาหาร ประเพณีและวัฒนธรรรมท้องถิ่น ตลอดจนเทศกาลสำคัญเช่นเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 17 เมษายน (หม้อห้อม เมืองแพร่) รวมทั้งได้รายงานการสำรวจพื่นที่โครงการการขยายพัฒนาท่าอากาศยานแพร่ ของกรมท่าอากาศยานด้วย ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยว (ตั้งแต่ปี 2565 – 2567) จำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้ที่มาจากผู้มาเยี่ยมเยือนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับภาคเหนือเรา ที่จะได้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ใครคิดว่าควรส่งเสริมในด้านไหนอีก ลองเสนอความเห็นกันเข้ามาได้

.………..
ร่วมกันพัฒนาชุมชน ชาวเชียงใหม่ และสังคมไทย
ด้วยการแจ้งปัญหาในพื้นที่

ของพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย
หรือ #เสธยอด
พร้อมรับฟังทุกปัญหาของเมืองเชียงใหม่